เทียบจุดเด่น 2 หูฟัง

Sony WH-1000XM4 & Apple AirPods Max

เทียบจุดเด่น! 2 หูฟัง Noise Cancelling ระดับเทพ Sony WH-1000XM4 หรือ Apple AirPods Max หูฟังแบรนด์ไหน จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้มากกว่ากัน? Sony WH-1000XM4 ค้นพบเบื้องหลังการทำงานของระบบตัดเสียงรบกวนขั้นสูงของหูฟัง WH-1000XM4 เมื่อความเงียบส่งให้เสียงเพลงคุณภาพสูงโดดเด่นและลงตัวด้วยฟีเจอร์อันชาญฉลาด เพื่อประสบการณ์การรับฟังที่ไม่มีใครเทียบ เปลี่ยนการเดินทางที่ยาวนานหรือการนั่งในร้านกาแฟ เป็นช่วงเวลาผ่อนคลาย ด้วยระบบตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดของหูฟัง WH-1000XM4 เงียบมากกว่าที่เคย ขับเสียงเพลงไพเราะเข้าถึงทุกย่านเสียง
  • เทคโนโลยี Dual Noise Sensor ที่ใช้ไมโครโฟนสองตัวในหูฟังแต่ละข้าง เพื่อจับเสียงรอบข้างและส่งข้อมูลสู่ชิปประมวลผลตัดเสียงรบกวนระดับ HD QN1 ผ่านการออกแบบอัลกอริธึ่มชั้นสูงใหม่ เพื่อวางลำดับขั้นตอนใหม่ ทำแบบเรียลไทม์ เพื่อวิเคราะห์ตัดเสียงรบกวนตามสภาพอะคูสติกภายในพื้นที่หรือสถานที่ต่างๆ ตามจริง ทำงานร่วมกับชิปเชื่อมต่อเสียงไร้สายบลูทูธแบบใหม่ SoC (System on Chip) ที่เริ่มตรวจจับและแยกปรับเสียงเพลงและสัญญาณรบกวน ตลอดจนสภาพอะคูสติกในระหว่างทางเดินเสียงจากตัวขับไดร์เวอร์จนถึงหูของเรา ทำงานละเอียดมากกว่า 700 ครั้งต่อวินาที
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบตัดเสียงรบกวนให้สูงสุด WH-1000XM4 ประกอบด้วยการปรับค่า 2 ส่วน นั่นคือ ระบบการตัดเสียงรบกวนแบบเฉพาะบุคคล โดยการวิเคราะห์ความแตกต่างของแต่ละบุคคล บุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันแล้วทำการปรับค่าของเครื่องมาตรฐานของเสียงที่ได้ยิน และระบบการปรับความดันบรรยากาศเมื่ออยู่ในไฟล์ทบิน
  • สะดวกด้วยการปรับตั้งค่าผ่านแอพฯ Sony | Headphones Connect เพื่อตัดเสียงรบกวน แต่ยังคงได้ยินเสียงที่จำเป็น เช่นเสียงประกาศขณะรอเดินทาง ขณะที่คุณฟังเพลงไปพร้อมๆ กัน
  • การเข้ารหัสแบบ LDAC ทำให้การส่งผ่านข้อมูลสัญญาณเสียงได้มากกว่า Bluetooth ทั่วไปถึง 3 เท่า (สูงสุดที่ 990 kbps) ให้คุณเพลิดเพลินกับเสียงความละเอียดสูง (Hi-Res) ได้ใกล้เคียงการฟังเพลงบนหูฟังแบบต่อสาย
  • ภาคขยายแบบอนาล็อกติดตั้งในตัวประมวลผลตัดเสียงรบกวนระดับ HD QN1 ช่วยคัดกรองลดปริมาณเสียงรบกวน หรืออัตราส่วนสัญญาณ ต่อ เสียงรบกวน ลดการเพี้ยนเสียงเพื่อถ่ายทอดเสียงคุณภาพสูงแบบความคมชัดสูงในอุปกรณ์แบบพกพา เสียงเต็มพิกัดด้วยไดร์เวอร์ขนาด 40 มม. พร้อมไดอะเฟรมพอลิเมอร์ผลึกเหลว (LCP) เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าหูฟังจะสามารถครอบคลุมทุกย่านสียง รองรับจังหวะบีทดนตรีได้หนักหน่วง และถ่ายทอดเสียงได้ทุกย่านความถี่เต็มช่วงได้สูงถึง 40kHz
  • เมื่อใช้ Edge-Ai (ปัญญาประดิษฐ์) ร่วมกับเทคโนโลยี DSEE Extreme (Digital Sound Enhancement Engine) เข้ามาช่วยคืนชีวตชีวาให้บทเพลง โดยการชดเชยรายละเอียดเสียงที่อาจสูญหายเมื่อไฟล์เพลงดิจิตอลถูกบีบอัด วิเคราะห์แบบเรียลไทม์ อ้างอิงแนวเพลง เสียงเครื่องดนตรี และองค์ประกอบของบทเพลง เสียงร้องและทำนอง คืนรายละเอียดเสียงให้ใกล้เคียง
  • หูฟัง WH-1000XM4 ใช้เทคโนโลยอัจฉริยะเพื่อสร้างประสบการณ์และการใช้งานที่สะดวกสบาย ฟังเพลงและรับสายแบบแฮนด์ฟรี ตัวอย่างเช่น Speak-to-Chat ใหม่! เพียงคุณพูดในขณะที่กำลังฟังเพลง เสียงเพลงภายในหูฟังจะถูกหยุดเล่นโดยอัตโนมัติพร้อมเปิดไมค์รับเสียงจากภายนอก หรือฟังเพลงเพลิน ควบคุม หยุดหรือเล่นเพลงด้วยเซ็นเซอร์อัจฉริยะ 2 จุดที่ตรวจจับการสวมใส่ เมื่อถอดหูฟังออก เพลงจะหยุดอัตโนมัติ และเริ่มเมื่อใส่หูฟังกลับเข้าไปใหม่
  • เพียงคุณพูดกับคู่สนทนาในขณะที่กำลังฟังเพลงฟังก์ชั่นอัจฉริยะ Speak-to-Chat จะหยุดเสียงเพลงภายในหูฟังโดยอัตโนมัติ พร้อมเปิดไมค์รับเสียงจากภายนอก ให้คุณได้ยินเสียงของคู่สนทนาและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องถอดหูฟัง หรือกดปุ่มใดๆ หมดปัญหาเมื่อคุณถือของเต็มมือหรือไม่สะดวกถอดหูฟัง และเสียงเพลงจะเล่นต่ออัตโนมัติหลังจบบทสนทนา Adaptive Sound Control ปรับค่าเสียงอัตโนมัติตามกิจกรรมที่ทำ
  • ฟังก์ชั่นอัจฉริยะ Adaptive Sound Control เรียนรู้และสั่งงานเพื่อปรับค่าเสียงในหูฟังให้คุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไร จากนั้นจะปรับการตั้งค่าเสียงรอบข้างเพื่อให้ประสบการณ์การรับฟังที่เหมาะสมที่สุด
  • เซ็นเซอร์อัจฉริยะ 2 จุดที่ฝังอยู่บนตัวหูฟัง จะตรวจจับการสวมใส่ เมื่อใส่หรือถอดหูฟัง เพลงจะเล่นหรือหยุดอัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่
  • หูฟัง WH-1000XM4 ลงตัวด้วยสไตล์หรูและความสบายได้อย่างน่าทึ่ง เอียร์แพดนุ่มสบาย ขนาดใหญ่พอเหมาะ ช่วยลดแรงกด กระจายน้ำหนักเพิ่มผิวสัมผัสกับตัวแพดหูฟัง ส่วนคาดศีรษะโค้งกระชับ น้ำหนักเบา ใส่สบาย น้ำหนักเบาขึ้น คุณแทบจะไม่รู้สึกขณะสวมใส่
  • หูฟังมีแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 30 ชั่วโมง เพียงพอสำหรับการเดินทางที่ยาวนาน และมีฟังก์ชั่นชาร์จเร็ว เมื่อเร่งรีบ เพียงชาร์ท 10 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ AC6 ให้คุณใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 5 ชั่วโมง
Apple AirPods Max AirPods Max เป็นการสร้างสรรค์หูฟังแบบครอบหูขึ้นมาใหม่ โดยมีไดรเวอร์ที่ออกแบบโดย Apple เป็นตัวขับเคลื่อนเสียงที่คมชัด และทุกรายละเอียดตั้งแต่ส่วนโค้งเหนือศีรษะจนถึงโฟมบุนุ่มล้วนออกแบบมาให้ใส่ได้แนบสนิทพอดี พร้อมด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่ช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ในขณะที่โหมดฟังเสียงภายนอก จะปล่อยให้เสียงเข้ามา AirPods Max เป็นการสร้างสรรค์หูฟังแบบครอบหูขึ้นมาใหม่ โดยมีไดรเวอร์แบบไดนามิกที่ออกแบบโดย Apple เป็นตัวขับเคลื่อนเสียงที่คมชัดเต็มอิ่ม และทุกรายละเอียดตั้งแต่ส่วนโค้งเหนือศีรษะจนถึงโฟมบุนุ่มล้วนออกแบบมาให้ใส่ได้แนบสนิทพอดี พร้อมด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่ช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ในขณะที่โหมดฟังเสียงภายนอกจะปล่อยให้เสียงเข้ามา และระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกจะสร้างเสียงระดับโรงภาพยนตร์ที่โอบล้อมรอบๆ ตัวคุณ
  • ไดรเวอร์แบบไดนามิกที่ออกแบบโดย Apple ให้เสียงที่คมชัด
  • เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอกเพื่อให้คุณเต็มอิ่มกับเสียงเพลง
  • โหมดฟังเสียงภายนอกสำหรับรับฟังและโต้ตอบกับโลกรอบตัว
  • ระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกเพื่อสร้างเสียงระดับโรงภาพยนตร์ที่โอบล้อมรอบๆ ตัวคุณ
  • ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์จะผสมผสานดีไซน์อะคูสติกแบบเฉพาะเข้ากับชิพ Apple H1 และซอฟต์แวร์เพื่อมอบประสบการณ์การฟังสุดล้ำ
  • ออกแบบให้มาพร้อมส่วนโค้งเหนือศีรษะแบบตาข่ายถักและเมโมรี่โฟมรองหูแบบบุนุ่มเพื่อให้ใส่ได้แนบสนิทพอดี
  • สัมผัสประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ด้วยการตั้งค่าที่ง่ายนิดเดียว การตรวจจับเมื่อสวมบนศีรษะ และการสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ได้แบบไม่มีสะดุด
  • แชร์เสียงง่ายๆ ระหว่าง AirPods สองคู่บน iPhone, iPad, iPod touch หรือ Apple TV
  • 20 ชั่วโมง เมื่อฟังเพลง ดูภาพยนตร์ หรือสนทนา ขณะเปิดใช้งานเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟและระบบเสียงตามตำแหน่ง
  • จัดเก็บในโหมดใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษด้วย Smart Case ที่เพรียวบาง
  • มีให้เลือกทั้งสีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ สีสกายบลู สีเขียว และสีชมพู
  • 1ระบบเสียงตามตำแหน่งใช้งานได้กับภาพยนตร์ ทีวี และวิดีโอในแอพที่รองรับ และต้องใช้กับ iPhone หรือ iPad
  • 2ต้องมีบัญชี iCloud และ macOS 11.1, iOS 14.3, iPadOS 14.3, watchOS 7.2 หรือ tvOS 14.3 หรือใหม่กว่า

ใส่ความเห็น