ทำความรู้จัก MQA ไฟล์เสียงระดับ Hi-Res Audio แห่งอนาคต

ทำความรู้จัก MQA ไฟล์เสียงระดับ Hi-Res Audio แห่งอนาคต

ปัจจุบันนี้การฟังเพลงได้ก้าวเข้ามาสู่ยุคของการ Streaming อย่างเป็นทางการกันแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะคุ้นเคยกับชื่อของแอปสตรีมมิ่งเพลง อย่าง Tidal, Joox, Spotify และ Apple Music จนทำให้ฟอร์แมตไฟล์เสียงอย่าง CD ในบ้านเรา เริ่มทยอยจากกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ถึงแม้ระบบสตรีมมิ่งจะใช้งานง่าย สะดวกสบาย แต่ก็ยังไม่สามารถให้คุณภาพเสียงได้ดี เทียบเท่ากับการโหลดเพลงมาฟังในเครื่อง เพราะข้อจำกัดของ Bandwidth และข้อจำกัดในการให้บริการ Streaming ของแต่ละแพลตฟอร์ม ดังนั้นจึงเกิดสิ่งที่มีชื่อว่า “MQA” (Master Quality Authenticated) ขึ้นมานั่นเอง

 

MQA คืออะไร และมันทำอะไรได้บ้าง

MQA คือ ไฟล์เสียง ที่ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Folding หรือการพับกระดาษ โดยจะมาในรูปแบบของความละเอียดที่ระดับ 24bit/44Khz เท่านั้น เมื่อมาถึงปลายทางตัว DAC หรือ ซอฟต์แวร์ปลายทางก็จะทำหน้าที่ Unfold หรือการคลี่ออกมานั่นเอง ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปตามศักยภาพของ DAC และซอฟต์แวร์ที่รองรับ

 

ถ้าเกิดไม่รองรับก็จะสามารถฟังเพลงได้ในระดับ 24bit/44Khz เท่านั้น แต่ก็ยังให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า CD อยู่มาก ยิ่งถ้าตัว DAC รองรับ ก็จะสามารถคลี่ออกมา และทำให้กลายเป็นฟอร์แมตเพลงระดับ 24bit/768Khz เลยทีเดียว เรียกว่าเป็นเทคนิคที่สุดยอดมากสำหรับการสตรีมมิ่งเพลงในยุคปัจจุบัน

 

การผลิต MQA นั้นจะทำอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่ง MQA ไม่ได้มีอยู่เฉพาะที่ส่วนปลายทางเท่านั้น ในส่วนต้นทางหรือทางฝั่ง Studio ผู้ผลิตเพลงเองก็ต้องทำไฟล์ ให้อยู่ในฟอร์แมตของ MQA ด้วยเช่นเดียวกัน

 

ทำไมถึงต้องใช้ไฟล์เสียง MQA

คุณภาพของ MQA เหนือกว่าฟังจาก CD ทั่วไป และน่าจะเหนือกว่าพวก Hi-Res ที่ผ่านการแปลงอีกรอบด้วยซ้ำ (ปกติ Master Studio ปัจจุบันจะอยู่ที่ 24bit/192kHz แต่เพลงแบบ Hi-Res มักจะอยู่ที่ 24bit/96kHz เท่านั้น) แต่การทำ MQA สามารถตั้งต้นให้เป็นฟอร์แมต ระดับ 24bit/768Khz ก่อนจะ Encode ให้อยู่ในรูปแบบ MQA ที่ระดับ 24bit/44Khz เพราะเหตุนี้ MQA จึงกล้าการันตรีว่า คุณภาพเสียงดีเทียบเท่ากับใน Studio แน่นอน เพราะถูกผลิตมาตั้งแต่ระดับ Studio นั่นเอง

 

จุดสำคัญอีกอย่างที่จะทำให้คุณภาพเสียง MQA สมบูรณ์ คือ ตัว DAC ปลายทาง จะต้องรองรับ MQA ด้วย และควรจะรองรับ MQA ในระดับ Fully Unfold หรือ Full Decoder เพราะจะช่วยดึงประสิทธิภาพของเสียงออกมาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นถ้าจะเลือกซื้อ DAC ตัวใหม่สักตัว ควรจะดูด้วยว่า DAC นั้นรองรับ MQA และรองรับ MQA ที่ระดับ Fully Unfold ด้วยหรือไม่? ซึ่งจะทำให้เราได้ใช้งาน DAC ระดับสูง ที่ให้คุณภาพเสียงดีเยี่ยมเมื่อฟังเพลงผ่านระบบออนไลน์นั่นเอง

ใส่ความเห็น