ProPlugin เปิดเทคนิคการดู Audio Meter สำหรับบันทึกเสียง บันทึกเสียงไปดี ก็ทำให้นำไปมิกซ์ได้ง่ายขึ้นทันที !!!ในขั้นตอนบันทึก นักดนตรีหลายๆคนมักจะใช้ Audio Meter ในการดูสัญญาณขาเข้าในการบันทึกเสียง ซึ่งหลายๆ คนก็จะดูสีของไฟที่บอกสถานเป็นหลัก บางคนก็อาจจะดูตัวเลขที่บอกระดับของสัญญาณเข้าไปเป็นหลัก ก่อนที่จะไปบอกว่าควรดูไฟแบบไหน หรือดูค่าตัวเลขที่บอกความแรงของสัญญาณเท่าไหร่นั้น แอดจะมาเล่าให้ฟังครับว่า Audio Meter มีกี่แบบหลักๆ บ้างที่ใช้ดูความแรงของสัญญาณในการบันทึกเสียง สำหรับในวันนี้เราจะมาพูดถึงเฉพาะในเรื่องของ Audio Meter ในการบันทึกเสียง
Audio Meter คืออะไร และมีกี่ประเภท
Audio Meter ต่างๆ ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ครับ เราเรียกมันว่า PPM Meter และ VU Meter แล้ว PPM นั้นย่อมาจากคำว่า Peak Programme Meter โดยเจ้า PPM Meter นี้มันจะขยับขึ้นลงตามระดับความแรงของสัญญาณที่ป้อนเข้าไปส่วน VU Meter นั้นย่อมาจากคำว่า Volume Unit ครับ ซึ่งเจ้า VU Meter นี้จะไม่ได้แสดงระดับความดังแบบ Real-time ครับ แต่จะเป็นการแสดงค่า RMS ซึ่งเป็นเหมือนการแสดงค่าเฉลี่ยของความดังในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งทำให้เราสามารถอ่านระดับเสียงได้ง่ายกว่า
การใช้งาน Audio Meter
คราวนี้ในการใช้งานเราจึงมักจะได้ใช้ VU Meter กันมากกว่าครับ แต่เจ้า VU Meter ก็มีปัญหาอยู่ที่ว่าในเมื่อมันแสดงค่า RMS ที่เป็นค่าเฉลี่ย มันจึงไม่ได้แสดงค่า Peak จริงๆ จึงทำให้เราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจุดที่ Peak จุดนั้นมันถึงจุดที่อาจจะทำให้เกิด Distortion รึเปล่าถ้าใครเคยลองสังเกตที่ VU Meter กัน ก็จะเห็นว่าที่ VU Meter จะมีค่า 0 อยู่ค่อนไปทางขวา (สำหรับ Meter ที่เป็นเข็ม) ซึ่งจริงๆแล้วเลข 0 นี้ไม่ใช่ 0dB แต่เป็น 0VU ครับแล้ว 0VU ของอุปกรณ์กลุ่ม Professional Audio นั้นจะมีค่าระดับสัญญาณอยู่ที่ +4dBu ซึ่งถือเป็นระดับสัญญาณมาตรฐาน (Standard Operating Level) ของการทำงานในกลุ่ม Professional Audio ครับ เวลาทำงานเราจึงมักจะนิยมรักษาระดับสัญญาณของเราให้อยู่ประมาณ 0VU เพื่อให้อยู่ในระดับความดังมาตรฐานแต่ 0VU ในกลุ่มอุปกรณ์ Broadcast จะถูกตั้งให้อยู่ในระดับสัญญาณ +6dBu ซึ่งเป็นมาตรฐานของงาน Broadcast Audio ครับ ส่วน PPM Meter โดยทั่วไป จะแสดงเป็นค่า dB จริงๆ ครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น dBu นั่นเองส่วน Audio Meter ที่อยู่ใน DAW นั้นโดยปกติมักจะเป็น dBFS ครับ ซึ่ง dBFS ก็จะมีค่าสูงสุดอยู่ที่ 0dBFS โดยเมื่อเราปล่อยสัญญาณที่เป็น +4dBu จากอุปกรณ์ Analogue เข้ามาที่ Audio Interface ตัว Converter จะถูกตั้งค่ามาให้แปลงสัญญาณนั้นเป็นระดับ -18dBFS ครับ พูดง่ายๆ ก็คือ 0VU จาก Analogue จะเท่ากับ -18dBFS นั่นเอง
สรุป การใช้ Audio Meter สำหรับการดูสัญญาณบันทึกเสียง