Bluetooth VS WiFi คุณภาพเสียงแบบไหนดีกว่ากัน?

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงสงสัยว่า ถ้าเราฟังเพลงจาก Bluetooth หรือ WiFi แบบไหนจะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่ากัน เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นระบบไร้สาย ไม่น่าจะต่างอะไรกันมากรึเปล่า? ดังนั้นวันนี้เราจะมาค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน

 

ลำโพงรับส่งสัญญาณแบบ Bluetooth

อันที่จริงโดยทางเทคนิคแล้ว การรับส่งสัญญานแบบ Bluetooth นั้นจะมีช่วง Bandwidth ที่แคบกว่าแบบ WiFi มาก ๆ แม้จะใช้คลื่น 2.4Ghz เช่นเดียวกัน แต่ระบบ Bluetooth จะเป็นการส่งสัญญานพลังงานต่ำ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง และเมื่อ Bandwidth แคบกว่า การส่งข้อมูลแบบต่อเนื่องจึงทำได้ลำบากมากกว่า

.

ดังนั้น Bluetooth จึงมีข้อจำกัดมากมาย จนทำให้ส่วนใหญ่ไม่สามารถเล่นเพลงแบบ CD Quality ได้ จึงต้องอาศัย Codec ต่าง ๆ เข้ามาช่วย ทั้ง aptX, LDAC และ HWA เพื่อให้สามารถเล่นเพลงในระดับคุณภาพสูงได้ ไม่นับเรื่องปัญหา Latency ที่ทำให้เกิดอาการดีเลย์ของเสียง แม้จะพัฒนามาจนถึง Version 5.1 แล้วก็ตาม

.

ลำโพงรับส่งสัญญาณแบบ WiFi

ในขณะที่ลำโพงแบบ WiFi นั้น ไม่มีปัญหาเลย เพราะ Bandwidth ของ WiFi กว้างกว่า Bluetooth มาก ๆ การรับส่งข้อมูลเพลงแบบ Realtime ก็ทำได้สบาย ๆ โดยไม่ติดปัญหาใด ๆ แม้จะเป็นเพลงระดับ Hi-Res เองก็ตาม ที่สำคัญปัญหาเรื่องของการดีเลย์ต่ำมาก จนแทบจะไม่มี และสามารถรองรับการใช้งานลำโพงพร้อม ๆ กันได้มากกว่า Bluetooth หลายเท่า

.

ดังนั้นเรื่องของคุณภาพที่ออกมาจากลำโพงแบบ WiFi นั้น ต้องบอกว่าเหนือชั้นกว่าลำโพง Bluetooth แต่การใช้งานของลำโพงแบบ WiFi จำเป็นต้อง Setup ขั้นต้น ให้เข้ากับระบบแอปฯ ของแต่ละแบรนด์ก่อน ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนถ้าทำแอปฯ ออกมาได้ไม่ดี

.

แต่โชคดีที่มีระบบ Roon เข้ามาช่วยทำให้การใช้งานลำโพงแบบ WiFi สะดวกมากขึ้น และควบคุมการเล่นได้ดีขึ้น ลำโพง WiFi จึงเริ่มได้รับความนิยมอย่างเห็นได้ชัด และเหมาะจะใช้งานที่บ้านมากกว่า จะพกพาไปข้างนอกบ้าน ดังนั้นถ้าวัดกันที่คุณภาพเสียงอย่างเดียว การเล่นเพลงผ่าน WiFi จะให้คุณภาพที่ดีกว่า bluetooth แต่การใช้งานนั้นจะยุ่งยากกว่า เพราะจำเป็นต้องมีตัวกลางอย่าง WiFi Router ด้วย

.

ในขณะที่การใช้งานกับ Bluetooth จะสะดวกกว่า เพราะเพียงแค่ Pair ให้เจอก็พร้อมใช้งานได้ทันที ดังนั้นลำโพงแบบ WiFi ส่วนใหญ่จึงไม่เหมาะจะใช้กับลำโพงพกพานั่นเอง