หูฟังมอนิเตอร์ แตกต่างจากหูฟังทั่วไปอย่างไร?
เคยสงสัยกันไหมครับ? ทำไมคนที่ทำงานในสตูดิโอ จะต้องใส่หูฟังในขณะทำเพลงอยู่เสมอ หูฟังประเภทนั้นก็คือ หูฟังมอนิเตอร์นั่นเองครับ แม้ดีไซน์จะดูคล้ายกับหูฟังทั่วไป แต่จุดเด่นและการใช้งานแตกต่างกัน
วันนี้ ProPlugin HIFI จะพาทุกคนไปรู้จักกับ หูฟังมอนิเตอร์ ว่าเหมาะสำหรับการใช้งานด้านใด และมีความแตกต่างจากหูฟังทั่วไปอย่างไรบ้าง?
หูฟังมอนิเตอร์ (headphone monitor) ใช้ทำอะไร?
หูฟังมอนิเตอร์ จะใช้เพื่อตรวจสอบความผิดเพี้ยนของเสียง ซึ่งเหมาะกับงานโปรดักชั่นเพลง หรือการเล่นคอนเสิร์ตกลางแจ้ง และยังสามารถใช้ในการฟังเพลงได้อีกด้วยนะครับ รูปร่างของหูฟังประเภทนี้จะมีลักษณะแบบหูฟัง In-Ear และหูฟัง Over-Ear รวมถึงหูฟังมอนิเตอร์จะมีความแตกต่างจากหูฟังทั่วไป 3 ข้อเด่น ๆ ดังนี้
1.ดีไซน์เท่ สวมใส่ได้พอดีกับหู
ปกติแล้วหูฟังมอนิเตอร์ จะมีดีไซน์ที่คล้ายกับหูฟังทั่วไป แต่จะมีรูปทรงและสีสันที่ดูสวยและเท่กว่า รวมไปถึงยังมีออฟชั่นเสริมอีกด้วย โดยหูฟังมอนิเตอร์จะแบ่งออกมาได้ 2 ประเภทดังนี้
หูฟัง In-Ear Monitor (IEM) แบบ Universal Earplug
เป็นหูฟังที่สามารถถอดเปลี่ยนสายได้ ถูกดีไซน์มาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อให้สวมใส่ได้พอดีกับรูหูของผู้ใช้
หูฟัง Custom IEM
เป็นหูฟังที่สามารถลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ให้รายละเอียดที่ดีกว่าแบบ IEM และหูฟังชนิดนี้มักถูกหล่อขึ้นมาใหม่ ให้พอดีกับสรีระใบหูของผู้ใช้นั่นเองครับ
2.เหมาะสำหรับใช้ในห้องอัดเสียง สตูดิโอ หรือ งานคอนเสิร์ต
การใช้งานหูฟังมอนิเตอร์ในงานสตูดิโอ และคอนเสิร์ตกลางแจ้ง มักใช้ในการตรวจสอบความผิดเพี้ยนของเสียง สามารถควบคุมค่าความดัง-เบาเฉพาะบุคคล ป้องกันไม่ให้เสียงคนเข้ามารบกวนจนเกิดความผิดเพี้ยน ทำให้สะดวกต่อการทำมอนิเตอร์ได้เป็นอย่างดีครับ
3.แนวเสียงเป็นแบบ Flat และเก็บรายละเอียดเสียงได้ดี
นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้หูฟังมอนิเตอร์และหูฟังทั่วไปมีความแตกต่างกัน นั่นก็คือ คาแรคเตอร์ของเสียง โดยหูฟังแบบมอนิเตอร์จะเก็บรายละเอียดเสียงได้ดีกว่า สามารถแยกเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชนิดออกได้อย่างชัดเจน และแนวเสียงจะออกไปทางระนาบเดียว (Flat) ทำให้ตอบสนองในแต่ละย่านความถี่ได้อย่างสมดุล เราจึงสามารถฟังเสียงในย่านที่ไม่สามารถฟังออกในหูฟังทั่วไปได้นั่นเอง