HOW TO บันทึกเสียงร้องยังไง ให้ดูมืออาชีพ
วันนี้ ProPlugin มีเคล็ด(ไม่)ลับ ก่อนที่เราจะอัดร้องต้องรู้ บันทึกเสียงร้องยังไงให้ดูมืออาชีพ ว่าเราควรมีอุปกรณืใดบ้างที่จะช่วยเสริมให้เสียงมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงเทคนิคเล็ก ๆ ที่เรานำมาฝากให้ทุกท่านในช่วงที่ต้องอยู่บ้านกันครับ
1. ประเภทของไมค์เห็นผลชัดเจน
การบักทึกเสียงร้องมักจะใช้ไมค์ประเภท Condenser ในการบันทึก เพราะจะได้ความละเอียดเสียงที่มากกว่า ตอบสนองต่อย่านเสียงได้ดี เก็บรายละเอียดในการออกเสียงร้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของสถานที่นั้นๆ ด้วยนะครับ ถ้ามีเสียงรบกวนเยอะ ก็สามารถใช้ไมค์แบบ Dynamic ได้เช่นกัน แต่แอดมินแนะนำเป็น ไมค์ Dynamic ที่มีรูปแบบการรับเสียงแบบ Super Cardiod ก็จะช่วยให้ช่วงรับเสียงที่กว้างขึ้น และตอบสนองต่อการออกเสียงของเราได้ดีขึ้นครับ
2. วางองศาไมค์ที่เหมาะสม (Miking Mic)
แน่นอนว่าการวางองศาไมค์สำหรับบันทึกเสียงร้อง ควรวางเป็นแนวเส้นตรงนับจากปากผู้ร้อง แต่บางครั้งการวางเป็นเส้นตรงก็ไม่ได้ตอบโจทย์สิ่งที่ดีเสมอไป การยกระดับไมค์ขึ้นจากปากนิดหน่อยอาจจะได้รับเสียงที่ทุ้มขึ้น หรือ ได้รับเสียง Nasic ที่ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการได้ยินเสียงร้องของเราไปในทิศทางไหน ต้องการเสียงอะไรเป็นพิเศษ การ Miking ที่ดีและตรงจุดประสงค์ก็จะช่วยให้การบันทึกเสียงร้องของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
3. Gain ที่ดี และ ระยะห่างที่เหมาะสม
การตั้ง Gain ที่เหมาะสมจะทำให้เราทำงานง่าย และ ได้ Source ที่ดี โดย Gain ที่เหมาะกับการบันทึกเสียงร้องนั้นอยู่ที่ -18 ถึง -12 dB หรือขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนว่าเราตั้ง Gain ไว้ประมาณนี้ เราจะนำไปจัดการต่อยังไงบ้างสัมพันธ์กับระยะห่างระหว่างตัวคนร้องกับไมค์ เพราะเมื่อเราขยับตัวเข้าหรืออกจากไมค์ก็จะทำให้ Gain เปลี่ยนเช่นกัน เพื่อเป็นไกด์ให้เพื่อนๆ ระยะห่างระหว่างตัวไมค์จะอยู่ที่ประมาณ 3-6 นิ้ว หรือ 1 ฝ่ามือนั่นเองครับ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม และประเภทของเสียงร้องนั้นๆได้เลย (กรณีบันทึกเสียงคอรัส หรือ เสียงร้องที่ไม่ใช่เสียงหลัก)
4. มีเสียงรบกวนหรือไม่
ก่อนเริ่มบันทึกเสียงแนะนำให้ ปิดพัดลม ปิดแอร์ กันก่อนเลย เพื่อป้องกันเสียงรบกวนในห้องรั่วเข้าสู่ไมค์ของเราได้ ยิ่งถ้าหากเราใช้ไมค์ประเภท Condenser ที่มีความไวต่อการรับเสียง ก็จะทำให้เสียงที่เราได้นั้นมีเสียงรบกวนเข้าไปเยอะ มี Noise มาก อาจทำให้การทำงานต่อไปนั้นยากขึ้นไปอีก เพราะต้องมานั่งกำจัด Noise ก่อนที่จะ Mix หรือที่เค้าเรียกกันว่า มี Ambience เยอะเกินไป เมื่อนำไป Mix เวลาเรา Boost ย่านเสียงไหน ก็จะทำให้เสียง Ambience นั้นๆดัง ชัด ขึ้นอีกด้วยครับ
5. Pop Filter และ Reflection จำเป็นขนาดไหน
ต่อเนื่องมาจากข้อที่ 4 เลยครับ Pop Filter เป็นสิ่งที่สำคัญในการบันทึกเสียงร้อง เพราะจะช่วยลด Poximity Effect หรือเสียงกระแทกจากการออกเสียง (เมื่อเราออกเสียงพยัญชนะ พ ผ ท ม) หรือเสียงรบกวนจากข้อที่ 4 อีกทั้งยังทำให้เสียงที่เราได้รับสะอาด และมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ คำถามต่อไปคือแล้ว Reflection จำเป็นขนาดไหน ? ให้เราวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมของห้องเราก่อนครับ ถ้ามีเสียงรบกวนเยอะ ขนาดที่เราปิดพัดลม ปิดแอร์ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แล้วยังมีเสียงรบกวนให้ได้ยินอยู่ ก็ควรจะ Reflection เป็นตัวช่วยในการบันทึกเสียงร้องของเราครับ
6. Send Effect ช่วยขับฟีลลิ่งตอนร้อง
จากทุกข้อที่พูดมาทั้งหมด มีอีกหนึ่งข้อที่สำคัญไม่แพ้กันเลย นั่นคือ อารมณ์ร่วมในการร้อง เพราะเสียงร้องคือพระเอกของเพลงเราเลย เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้ผู้ฟังเข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้ง่ายที่สุด และรับรู้ได้ง่ายที่สุดอีกด้วย การมีตัวช่วยที่ให้เราร้องออกมาได้ง่าย และมีอารมณ์ร่วมกับเพลงขณะที่บันทึกเสียงร้องนั้น คือการใส่ Effect ของเสียงร้อง ให้ผู้ร้องฟังแบบ Real Time หรือ เรียกว่า การ Send Effect นั่นเอง ซึ่งนิยมใช้เป็น Effect Reverb, Delay หรือที่นิยมในปัจจุบันจะเป็น Effect Auto-Tune แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแนวเพลงและจุดประสงค์ของผู้ร้องด้วยครับ
7. เลือกหูฟังให้เหมาะ
เสริมอีกหนึ่งข้อ การใช้หูฟังขณะบันทึกเสียงร้องควรเลือกหูฟังประเภท In-Ear หรือ Close-Back Monitor มาใช้งานเพื่อกันเสียงจากหูฟังรั่วเข้าสู่ไมค์นั่นเองครับ มีติดไว้รับรองเลยว่าช่วยให้การบันทึกเสียงร้องของคุณง่ายขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นบันทึกเสียงร้อง เพียงนำทริคเหล่านี้ไปปรับใช้เพิ่มเติมการบันทึกเสียงร้องของคุณก็จะมีดูมืออาชีพและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วล่ะครับ อย่ารอช้าที่จะผลิตผลงานเจ๋งๆออกมาครับ ProPlugin เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ