4 เทคนิค

อัปเกรดเสียงลำโพงให้ดีกว่าเดิม

        เคยสงสัยกันบ้างไหมครับ? ทำไมลำโพงที่เราซื้อมา เสียงไม่เหมือนที่เค้ารีวิวกัน บ้างก็ว่าหวานอย่างโน้นหวานอย่างนี้ เบสเต็มอิ่ม กลางอิ่ม เสียงแหลมคมชัด! แต่พอซื้อมาลองใช้ กลับสวนทางกันทุกอย่างซะอย่างงั้น! ดังนั้นวันนี้ ProPlugin  จะมาแนะนำทริคง่าย ๆ เปลี่ยนให้ลำโพงคู่ใจให้เสียงดีกว่าเดิม!

ลำโพง Passive อาจจะต้องไปพะวงเรื่องแอมป์ แต่ลำโพงแบบ Active นั้น เราต้องไปซีเรียสเรื่องสายเป็นหลัก เพราะสายที่ดีจะช่วยส่งให้คุณภาพเสียงของลำโพงแบบ Active ดีขึ้นผิดหูผิดตา

เริ่มกันตั้งแต่สายไฟ ควรจะเปลี่ยนไปใช้ของที่เกรดคุณภาพสูง ไม่จำเป็นต้องแพงมากแต่ให้เกรดระดับ Audiophile ก็พอ ตามด้วยสาย Connector อย่าง RCA หรือ Mini ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้อะไรเชื่อมต่อเป็นหลัก

สำหรับพวกนี้อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะเริ่มที่ Audioquest Evergreen ซึ่งเป็นสายสำหรับผู้เริ่มต้นและรักในเสียงเพลงแบบจริงจัง มีราคาไม่แพง และให้น้ำเสียงที่คุ้มค่า แค่เพียงเปลี่ยนสายพวกนี้ก็อาจจะทำให้เห็นผลในทันทีเลยล่ะครับ

Source คือจุดตั้งต้นในการปล่อยสัญญานเสียง การที่เลือกจุดเริ่มต้นที่ดีก็เหมือนเราอยู่ในจุด Start ระดับ Pole Position เลยทีเดียว เพราะ Source ที่ดีจะให้ Dynamic ที่ดี ซึ่งก็จะให้คุณภาพเสียงที่ดีตามมาด้วย ในบางครั้ง Source ที่เสียงดีจริง ๆ โดยเฉพาะ DAC ที่มีราคาแพง เมื่อมาใช้กับลำโพงถูก ๆ ก็ให้คุณภาพเสียงเหมือนกับลำโพงแพง ๆ ได้

ในทางกลับกัน Source แย่ ๆ แต่นำไปใช้กับลำโพงแพง ๆ คุณภาพสูง กลับทำให้ได้เสียงแย่ ๆ ออกมาแทน ดังนั้นนี่คือจุดสำคัญที่ควรจะใส่ใจเป็นอันดับแรกเลยครับ

ปัจจุบัน Source คุณภาพสูง ๆ ที่มีสเปคดี กลับมีราคาไม่แพงนัก อย่างเช่น DAC ของ iFi ที่รองรับการเล่น DSD ด้วย ซึงในสมัยก่อนถ้าเราจะเล่นไฟล์เพลงระดับ DSD ได้ ต้องใช้ DAC ราคา 50,000 บาทขึ้นไป และยังรองรับได้แค่เพียง DSD64 เท่านั้น

แต่การมาของ iFi นั้น ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป การเข้าถึงการฟังเพลงในระดับ DSD มีเพียงงบระดับพันก็สามารถฟังได้เช่นกัน แถมให้คุณภาพเสียงที่ดีอย่างมาก ดีกว่าคู่แข่งในระดับราคาใกล้ ๆ กัน แถมยังรองรับสเปคได้เหนือชั้นกว่า ยิ่งเราเลือก DAC ที่คุณภาพดีเท่าไหร่ File ดีมากระดับไหน ก็จะยิ่งช่วยให้คุณภาพเสียงที่ออกมาจากลำโพงดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกครับ

 

ขาตั้งที่ดีคืออะไร ? ปกติแล้วลำโพงนั้น เวลาปล่อยเสียงออกมา เสียงมันไม่ได้พุ่งเข้าหาเราในแนวตรงอย่างเดียว แต่เสียงจะกระจายตัวเป็นวงกลมรอบทิศทาง เพียงแต่น้ำหนักหลัก ๆ ของเสียงจะพุ่งตรงไปข้างหน้ามากที่สุด และเมื่อมันกระจายตัวไปรอบ ๆ ตัวด้วย

ผลก็คือมันจะเกิดการสะท้อนกลับของเสียง และยังมีอาการสั่นสะเทือนของลำโพงจากการทำงานของหน้าดอกลำโพงด้วย ผลก็คือถ้าเราไปวางในวัสดุไม่เหมาะสม เช่น กระจก ไม้เนื้อบาง และพลาสติกที่มีโพรงกลวง มันก็จะทำให้เสียงที่ออกมาแย่ทันที ทางแก้ที่ถูกต้องคือ ต้องหาขาตั้งที่ดีมาวางแทน เพื่อลดอาการสะท้อนต่าง ๆ ทำให้เสียงที่ได้คุณภาพดีมากขึ้น

 

ลำโพงทุกตัวจะมีจุดตัดที่เป็นตำแหน่งที่ให้เสียงที่ดีที่สุดอยู่ ซึ่งถ้าเราฟังผ่าน ๆ ก็จะไม่รู้ แต่เมื่อเราสามารถวางตำแหน่งลำโพงที่เหมาะสมถูกต้อง และนั่งในตำแหน่งของ Sweet Spot พอดิบพอดี ก็จะทำให้ลำโพงของเราแสดงศักยภาพได้อย่างสูงสุดเลยทีเดียว

ซึ่งการจะหา Sweet Spot นั้น ค่อนข้างต้องใช้ประสบการณ์ในการฟังพอสมควร แต่เราสามารถหาตัวช่วยอย่างแผ่น CD ที่ช่วยในการ Setup ลำโพงที่มีวางขายมากมาย ก็สามารถช่วยได้ในระดับเบื้องต้นซึ่งก็เพียงพอที่จะแสดงความแตกต่างให้เห็นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวครับ

 

Leave a Reply