iFi Go Blu DAC พกพาขนาดจิ๋ว

ifi Go Blu DAC มีดีอย่างไร

iFi Go Blu รองรับ Bluetooth Version 5.1 และมีช่องเสียบหูฟังให้เลือกใช้ทั้ง 3.5mm Unbalanced และ 4.4mm Balanced ส่วนขนาดตัวเครื่องนั้นมีขนาดที่ 55 x 34 x 13 mm เท่านั้น เรียกว่าทั้งเล็กทั้งบาง มีขนาดประมาณกลักไม้ขีดไฟ และมีน้ำหนักเบาเพียง 26 กรัม ในส่วนของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายใน ทาง iFi ได้เลือกสรรแต่อุปกรณ์เกรดดี ๆ มาใส่ไว้ ไม่ว่าจะเป็น ตัวเก็บประจุแบบเซรามิกมัลติเลเยอร์ หรือขดลวดเหนี่ยวนำจาก Taiyo Yuden

 

ตัวเครื่องผลิตขึ้นจากวัสดุโพลิเมอร์ที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวล ใช้เป็นวัสดุแบบโพลิเมอร์มาผสม เพราะพวกโลหะส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติในการบล็อกสัญญาณ Bluetooh ทำให้การรับสัญญาณมีปัญหาได้ และดีไซน์ที่ตัวเครื่องออกแบบให้มีปุ่มหมุน ChronoDial ที่ดูคล้ายเม็ดมะยมของนาฬิกา ซึ่งทำหน้าที่ปรับระดับเสียงและควบคุมการทำงาน

 

แถมยังรองรับสัญญาณขาเข้าได้ 2 ช่องทาง ช่องทางแรกเป็นการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 ทำงานด้วยชิป QCC5100 จาก Qualcomm รองรับ CODEC คุณภาพสูงไม่ว่าจะเป็น AAC, SBC, aptX, aptX HD, aptX Adaptive, aptX LL, LDAC และ LHDC/HWA Codec

 

 ส่วนการรับสัญญาณจากภาครับ Bluetooth ส่งต่อไปยังวงจร DAC เลือกใช้ชิป DAC 32bit จาก Cirrus Logic รหัส CS43131 ทำงานร่วมกับวงจร Clock ความแม่นยำสูง ที่มี Jitter ในระดับต่ำมาก ๆ DAC ตัวนี้ยังทำหน้าที่ถอดรหัสสัญญาณขาเข้า ที่มาจากอีกหนึ่งช่องทางนั่นก็คือ อินพุต USB-C (ทำหน้าที่ชาร์จไฟ) โดยอินพุตนี้รองรับสัญญาณ Hi-Res Audio (PCM 24bit/96kHz)

 

สำหรับวงจรส่วนภาคขยายเสียงใน iFi GO Blu ยังคงเลือกใช้วงจรแบบบาลานซ์ ตามแนวทางการออกแบบที่มีชื่อเรียกว่า Direct Drive ของทาง iFi ซึ่งตามสเปก แจ้งว่าภาคขยายเสียงใน iFi GO Blu สามารถจ่ายแรงดันเอาต์พุตได้สูงสุดถึง 5.6 โวลต์เลยทีเดียว ทำให้การเลือกใช้หูฟังไม่ถูกจำกัดมากนัก

 

 

นอกจากนี้ตัว iFi Go Blu ยังมาพร้อมไมค์แบบ CMOS-MEMS ซึ่งเป็นไมค์รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสูง ทำให้สามารถสนทนาบนโทรศัพท์ เล่นเกม หรือประชุมทางไกลได้อย่างสะดวกสบาย และเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ จากที่ได้ทดลองไมค์พบว่า ไมค์รับสัญญานเสียงได้ดีมาก และไม่ดูดเสียงรบกวนจากภายนอกมากนัก ทำให้การพูดคุยราบรื่น ที่สำคัญยังสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri กับ Google Assistant ได้อีกด้วย

 

ในส่วนของคุณภาพเสียงก็ต้องบอกว่า เสียงของ iFi Go Blue จะค่อนข้างอุ่นและนุ่มนวล คล้าย ๆ กับสไตล์เสียงของแอมป์หลอด เสียงสูงมีความคมชัด แต่ละมุนละไมไม่บาดหู เสียงเบสเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ Impact เบสดีทีเดียว และยังปรับเพิ่มให้ดีขึ้นได้ด้วย XBASS อีกด้วย ทำให้คนรักเบสไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ส่วนมิติและ Soundstage ถือว่าดีมาก ๆ และให้โฟกัสชิ้นดนตรีได้ดี บอกได้เลยว่า ความสามารถในส่วนนี้ดีกว่ารุ่น Hip-Dac ด้วยซ้ำ

 

ในภาพรวมก็ต้องบอกว่าเป็น Bluetooth DAC พกพาระดับเทพที่มาพร้อมฟังก์ชันแบบจัดเต็ม และรองรับ CODEC แทบจะครบถ้วนทุกตัวแล้ว ใครที่กำลังหา Bluetooth DAC สักตัวมาใช้สำหรับการฟังเพลง ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง