สอนใช้งาน #Reverb ประยุกต์ใช้ได้กับทุกปลั๊กอิน
แชร์เก็บไว้ดูได้เลยครับ
Reverb หรือ #Reverberation คือเสียงก้อง เสียงสะท้อนหรือการจำลองสภาพห้องรวมไปถึงพื้นที่ในรูปแบบต่างๆที่มีการสะท้อนของเสียง…
ซึ่งเป็นเอฟเฟกต์สำคัญในงาน #Music Production โดยจะจำลองเสียงสะท้อนตามธรรมชาติที่ได้ยินในพื้นที่ต่างๆ โดยประเภทของ Reverb ที่นิยมใช้ในปัจจุบันก็จะมี Hall, Room, Plate, Spring และ Digital
เสียงที่ผ่านการใช้เอฟเฟกต์ #รีเวิร์บ จะมีความชุ่มฉ่ำ เพิ่มพื้นที่ของเสียงให้มีความกว้างและลึกมากขึ้น สร้างอารมณ์ของเพลง ทำให้เสียงมีความอิ่มและเต็มขึ้น รวมไปถึงทำให้เสียงที่มาจากแหล่งเสียงที่แตกต่างกัน ถ้าอยู่ใน Reverb เดียวกันจะสามารถ Blend หากันจนรู้สึกว่าอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในปัจจุบันสำหรับการ #ทำเพลง เพื่อสร้างสีสันได้เป็นอย่างมาก
การปรับรีเวิร์บจะมีปุ่มหรือพารามิเตอร์หลักๆอยู่ไม่กี่ตัว ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจและเรียนรู้มัน ก็จะสามารถประยุกต์ใช้ได้กับปลั๊กอิน Reverb ได้เกือบทุกตัวเลย เรามาดูกันว่าปุ่มหลักๆของ Reverb มีอะไรบ้าง
- Decay Time (Reverb Time)
คือปุ่มที่ควบคุมความยาวของหางเสียงของเสียงก้องว่าจะให้มีความยาวเท่าไหร่ ก่อนที่จะหายไป โดยส่วนใหญ่จะมีหน่วนเป็น ms หรือ s (1000 ms = 1s)
Decay สั้น : จะเหมาะกับห้องที่มีความกว้างไม่มากนักหรือต้องการความเป็นธรรมชาติ
Decay ยาว : จะเพิ่มพื้นที่ให้มีความกว้างและก้องกังวาลมาก และ สามารถใช้เป็นซาวน์ดีไซน์ได้ด้วย
- Pre-Delay
คือระยะเวลาระหว่างเสียงจริงกับเสียงก้อง หมายถึงเมื่อเสียงจริงเริ่มเล่นแล้ว เสียงก้องจะตามมาเมื่อไหร่นั่นเอง โดยถ้าเราอยากใช้เสียง Reverb รวมกับเนื้อเสียงเราสามารถตั้งค่า Pre-Delay ช้าๆได้ เสียงที่ได้จะมีความฉ่ำมาขึ้นเนื้อเสียงกับรีเวิร์บจะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนถ้าอยากให้เสียงมีความแห้ง ไม่จมไปกับเพลงมากเกินไป สามารถตั้งค่า Pre-Delay ให้ Reverb ทำงานช้าลงเพื่อให้ได้เนื้อเสียงที่เยอะขึ้นได้
- Wet / Dry Mix
เป็นการบาลานซ์ระหว่างเสียงแห้งกับเสียงที่ผ่าน Reverb โดยที่ถ้าเราปรับ Wet ไปที่ 100% เสียงแห้งหรือเสียงออริจินัลก็จะหายไป มีแต่เสียง Reverb ออกมาเพียงอย่างเดียว ในทางกลับกันถ้าเราปรับ Dry 100% ก็จะไม่มีเสียง Reverb ออกมาเลยเช่นกัน
- Size
จะเป็นการจำลองขนาดทางกายภาพของห้องแต่ละประเภท ยิ่งตั้งค่า Size เยอะ เสียงสะท้อนก็จะกลับมาช้าและมีความกว้างมากขึ้น ทั้งนี้เราสามารถใช้ ปุ่มปรับค่าต่างๆร่วมด้วย เพื่อให้ได้คาแรคเตอร์ของเสียงสะท้อนตามที่เราต้องการ
- Diffusion
เป็นการกำหนดค่าความฟุ้งหรือการกระจายของเสียง Reverb ถ้าเพิ่มค่า Diffusion เยอะเสียง Reverb จะมีการกระจายเยอะ เนื้อเสียงของ Reverb จะมีความขุ่นมัวและฟุ้งขึ้น สามารถสร้างสีสันให้กับเสียงได้เป็นอย่างดี
- Density
เป็นการควบคุมความหนาของเสียง Reverb ให้มีความเต็มและฉ่ำมากขึ้น
- Damping
เป็นปุ่มควบคุมย่านความถี่สูงของหางเสียงของ Reverb ตั้งค่าเยอะจะทำให้เสียงสะท้อนมีความอุ่น และอู้อี้มากขึ้น ถ้าตั้งค่าน้อยจะทำให้เสียงสะท้อนมีความแหลมและใสมากขึ้น
- Early Reflections
เป็นเสียงสะท้อนเริ่มต้นที่สะท้อนจากผนังหรือพื้นผิวไปยังผู้ฟังโดยตรง สามารถสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผิวสัมผัส (Texture) และขนาดของพื้นที่ได้
- Modulation
เพิ่มการเคลื่อนไหวหรือความหลากหลายของเสียง Reverb เช่น เสียงซ้อน เสียงสั่น ให้กับเสียง Reverb ทำให้สร้างความธรรมชาติ หรือ เอกลักษณ์ให้กับเสียงรีเวิร์บได้
- EQ / Filtering
สามารถปรับความถี่ของเสียง Reverb ได้ ตัดย่านตามของเสียง Reverb เพื่อลดความอุดอู้ ขุ่นมัว หรือตัดย่านสูงเพื่อไม่ให้เสียง Reverb มีความสว่างใสจนเกินไป
และนี่ก็เป็นการใช้ Reverb เบื้องต้นซึ่งถ้าหากเราเข้าใจวิธีการใช้งานแล้ว เราก็จะสามารถใช้งาน Reverb ของแต่ละแบรนด์ได้ ทั้งนี้ในบางปลั๊กอิน Reverb ก็จะมีบางอย่างที่เป็นการตั้งค่าที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อนๆอาจจะต้องดู Manual หรือ คู่มือประกอบเพื่อใช้ Reverb ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดครับ
ถ้าชอบคอนเทนต์แบบนี้แอดมินฝากแชร์เพื่อแบ่งปันให้กับเพื่อนๆและเป็นกำลังใจให้กับแอดมินด้วยนะครับ
#ProPlugin #AmplifyYourDreams #ปลั๊กอินPro #สอนใช้รีเวิร์บ #สอนใช้Reverb